เชียงตุง เมือง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู

02 มกราคม 2019, 10:33:08

เชียงตุง เมือง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู

เชียงตุงมีประวัติความเป็นมายาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยกว่า 800 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่เจ้ามางยอยครองเมือง


 
          ตามตำนานเริ่มจากมีชายชื่อ โกปาละ หรือ โคบาล เป็นคนเลี้ยงวัวรับจ้าง ทุกวันที่ต้อนวัวไปเลี้ยงตามทุ่งนาเมื่อถึงเวลาแกะห่อข้าวก็มักจะแบ่งปันข้าวให้กับฝูงกาทุกครั้ง จนกาทั้งหลายต่างพากันชื่นชมคิดตอบแทนบุญคุณ จึงหามชายโคบาลไปเป็นเจ้าเมือง เมืองปจันตคาม (จันทะวชิรคาม) หรือเมืองจันทคาม จึงเรียกว่า “พญากาหาม” โดยสัญญาว่าจะฆ่าวัวเลี้ยงวันละตัว (บางตำราบอกว่าวันละ 10 ตัว)



 
          ต่อมานานวันเมื่อวัวหมดก็ฆ่าควายให้เป็นอาหารกา จนชาวเมืองทนไม่ไหวก็พากันเดินขบวนไปหอหลวงเพื่อคัดค้าน (แสดงว่าประชาธิปไตยมีมาช้านานแล้ว) พญาเจ้าเมืองก็งดการฆ่าวัวควาย ทำให้ฝูงกาเคียดแค้นจึงพากันคิดอุบายกำจัดเจ้าเมือง (นี่กระมังที่เป็นเหตุให้ชาวเหนือมีสุภาษิตว่า ถูกใจแร้ง บ่แน่นใจกา ถูกใจพญาบ่เปิงใจตุ๊เจ้า)

          พวกกาออกอุบายว่าจะพาพญากาหามไปครองเมืองแห่งหนึ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา มีทรัพย์สมบัติมากมาย ด้วยความโลภพญากาหามก็ตกปากอยากไปครองเมืองแห่งนั้น และใช้วิธีเดิมคือ สานชะลอม แล้วให้กาหามไป แต่คราวนี้กาหามไปทิ้งที่เกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทร และสุดท้ายพญากาหามก็สิ้นชีพที่นั่นไปเกิดเป็นปูคำ (ทองคำ) เป็นพญาปูอยู่ในหนองน้ำตำมิลาบ

         ด้านเมืองจันทคามก็เกิดฝนตกห่าใหญ่หลายวันติดต่อกันทำให้เกิดน้ำท่วมเมือง ชาวเมืองก็หนีขึ้นป่าขึ้นเขาไป น้ำท่วมคราวนั้นทำให้ทุกแห่งหนเป็นหนองน้ำไปเสียหมดจึงได้ชื่อว่า “หนองตำมิลาบ” หรือหนองตำมิละ

         เวลาต่อมามีฤษีชื่อ “ตุงค” เป็นโอรสพญาว้อง (ว้องตีฟัง) เจ้าเมืองห้อ (ยูนนาน) เดินทางมาถึงที่หนองน้ำตำมิลาบแห่งนี้พร้อมพี่น้องอีก 3 ตน ตุงคฤษีใช้ไม้เท้าขีดแผ่นดินให้เป็นร่องลึกเพื่อให้น้ำไหลออกไปสู่มหาสมุทรจนเหลือแต่หนองขนาดใหญ่ต่อมาได้ชื่อว่า หนองตุง ตามชื่อฤษีตนนั้น แม่น้ำที่ไหลออกไปนั้นไหลย้อนจากทิศใต้ไปทิศเหนือจึงได้ชื่อว่า น้ำขืน หรือ น้ำขึน เป็นที่มาของชื่อ ไทขึน ในปัจจุบัน

         ถัดจากนั้นมีชาวจีนจากยูนนานมาตั้งรกรากอยู่ที่หนองดื่อมีเจ้าเมืองชื่อ “เจ้ากว้านเดื่อ” แต่อยู่ไม่ได้จึงหนีไป บ้านเมืองจึงตกเป็นของชาวละวะ หรือลัวะ สร้างบ้านเมืองมีเจ้าครองเมืองถัดมาคือเจ้ามังยอย ถัดจากนั้นก็มีเจ้ามังคุม และเจ้ามังเคียร ทั้งสองคนนี้เป็นเจ้าเมืองที่แต่งตั้งจากพญามังราย จึงมีหลักฐานรับรองว่ามีจริง โดยหลักฐานที่สามารถนับ พ.ศ. ได้เริ่มจากเจ้ามังยอยเป็นต้นมา

         ถัดจากนั้นก็มีเจ้าน้ำถ้วมซึ่งเป็นเชื้อสายพญามังรายมาครองเมืองเชียงตุง มีการถ่ายเท อพยพไปมาระหว่างเมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน กับเมืองเชียงตุง จนเกิดวัฒนธรรมของไทขึนขึ้นมีการนำเอาพุทธศาสนาผ่านมาจากพม่าและล้านนา จนเป็นเมืองที่มั่นคงทางพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง

         กษัตริย์ที่ชาวเชียงตุงนับถือและสร้างความมั่นคง ต่อสู้เพื่อชาวเชียงตุงคือ เจ้าก้อนแก้วรัตนะอินแถลง ถัดจากพระองค์มีเจ้าครองเชียงตุงอีก 2 องค์คือ เจ้ากองไต และสุดท้ายคือ เจ้าจายโหลง (ชายหลวง) เป็นเจ้าเมืององค์ที่ 46 ก่อนที่พม่าจะเข้าไปยึดครอง และจัดระเบียบการปกครอง จนนำไปสู่การรื้อคุ้มเจ้าฟ้าในปี พ.ศ. 2534 ถึงแม้หลายฝ่ายจะคัดค้านก็ตาม แต่พม่าก็ทำลายสิ่งเชื่อมโยงสถาบันกษัตริย์โดยนำเอาหอหลวงมาสร้างเป็นโรงแรม นิวเชียงตุง ในปัจจุบันนี้

 


 
       ทีมงานนิตยสารชมรมภูวธรรมได้มีโอกาสเข้าไปในเชียงตุงคราวนี้เป็นเวลา 6 วัน ลดเวลาวันไปวันกลับก็เหลือเพียง 4 วันเท่านั้น อีกทั้งยังมีภาระกิจอื่นที่ต้องดำเนินการ 4 วันที่เหลือจึงเป็นวันที่พวกเราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ หาความรู้มุมมองต่าง ๆ ให้มากเพื่อจะนำมาบอกเล่าสู่กันฟัง

         มีคนกล่าวว่าเชียงตุงในวันนี้ยังล้าหลังเมืองไทยไปหลายสิบปี ถ้ามองเรื่องสาธารณูปโภคแล้วเห็นจะจริง เพราะถนนหนทางยังคละคลุ้งด้วยฝุ่น การสัญจรต้องอาศัยรถเช่า ไฟฟ้ามีก็เหมือนจะไม่มี อินเตอร์เน็ตการสื่อสารไม่ต้องพูดถึง บางโรงแรมมี wi-fi ให้ใช้ แต่ต้องภาวนาให้มีไฟฟ้าด้วย

         ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่นี่คงไม่ใช่เป้าหมาย แต่หากต้องการมาค้นคว้าหาสิ่งที่ขาดหายไปจากสังคมไทย โดยเฉพาะคนล้านนาแล้วที่นี่คือที่มั่นสุดท้ายก่อนจะมลายหายไปพร้อมกับกระแสโลกาภิวัฒน์ในไม่ช้านี้

         วัดเป็นเป้าหมายสำคัญที่ผู้เขียนสนใจเป็นอย่างยิ่ง รองลงมาเห็นจะเป็นลักษณะความเป็นอยู่คนเมืองเชียงตุง เผ่าพันธุ์ ชาติพันธุ์ ภาษาโดยเฉพาะภาษาไทขึน ที่ใกล้เคียงแทบจะเป็นอันเดียวกันกับภาษาไทล้านนา และไทลื้อ

         แต่วันแรกทริปแรกที่เราออกจากโรงแรมไกด์สาวไทใหญ่ที่พูดภาษาไทยระดับยอดเยี่ยมพาเราเดินเที่ยวชมกาดหลวง แรกเข้าไปก็เคืองใจนิด ๆ ว่าไม่ต่างกับตลาดแม่สาย แต่พอมองดี ๆ กลับมองเห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านแนบแน่นไปกับวิถีเมืองที่กำลังมาเยือน ตลาดแห่งนี้มีหลากหลายขายตั้งแต่ผักปลาไปจนถึงทองคำ โดยเฉพาะร้านทองนั้นผู้เขียนวนเวียนถ่ายรูป เฝ้ามองหลายครั้งจนเจ้าของร้านเริ่มมอง เพราะร้านทองที่นี่ไม่มีลูกกรง ไม่มี รปภ. พกปืนนั่งเฝ้า ไม่ต้องมีตำรวจ มีแต่เจ้าของร้านและลูกค้ายืนอยู่คนละฝั่ง ร้านเป็นเพิงเล็ก ๆ ในตลาดเท่านั้นไม่ใช่อาคารสิ่งปลูกสร้างมั่นคงอะไร แต่ที่นี่ไม่มีโจรปล้นร้านทอง อาจจะเป็นเพราะคนที่นี่รู้จักกันหมด และทางหนีทีไล่คงไม่ซับซ้อนเหมือนเมืองฟ้าเมืองอมรกรุงเทพฯ ประการหนึ่ง และประการสำคัญคนที่นี่เขายึดมั่นในความซื่อตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสร้อยสนกลในมากนัก จะมีเพียงเล่ห์ขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องระวัง เช่นทีมงานเดินไปถามราคาข้าวซอย (ก๋วยเตี๋ยว) พ่อค้าบอก 5,000 จ๊าด (150 บาท) ขณะกำลังมึน ๆ งง ๆ ไกด์ถามราคาอีกครั้งหนึ่งบอกว่า 1,000 จ๊าด (30 บาท) อันนี้ยังไม่แน่ใจว่าสื่อสารผิดหรือเจตนา


         จากกาดหลวงเรานั่งรถสามล้อที่จัดไว้ต้อนรับกลับไปวัดหัวข่วง หรือวัดราชฐานหลวงหัวข่วง ที่วัดนี้เป็นวัดที่มีสิ่งปลูกสร้างการสนับสนุนทางการศึกษาของพระสงฆ์จากคณะสงฆ์ไทย โดยพระเดชพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญกรุงเทพฯ



 
         การมาเที่ยววัดในเชียงตุงต้องเตรียมอุปกรณ์เตรียมใจสักนิด เพราะแต่ละวัดจะมีวิหารแบบเผ่าไท คือ วิหารคลุมเกือบครึ่งฝาผนังทำให้ข้างในมืดไปสักนิด การถ่ายภาพจึงต้องใช้ ISO สูง ๆ หากกล้องใครถ่ายเป็น RAW ไฟล์ได้แนะนำให้ใช้ และดัน ISO เกือบหมดรับรองได้ภาพแน่นอน แล้วค่อยใช้โปรแกรม Photoshop จัดการไฟล์ให้เรียบเนียนอีกที

         จากวัดหัวข่วงเราเดินไปต่อที่วัดพระเจ้าหลวงระแข่งหรือพระมหามัยมุนีจำลอง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองติดกับวัดหัวข่วง และเดินต่อไปดูหนองตุงผ่านโรงแรมนิวเชียงตุงที่อดีตคือ คุ้มหลวง หรือหอคำ

         ที่หนองตุงเรามองเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ชี้นิ้วมาที่เมือง สถานที่แห่งนั้นคือ จอมสัก ประดิษฐานพระพุทธรูปปางทำนาย หรือพระชี้ (พระจี้นิ้ว) ตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก

         คณะเราเดินทางไปเรื่อยเปื่อยเจอร้านขายของข้างทางก็แวะลงไปชิม อาหารพื้นบ้านถูกปากบ้างไม่ถูกบ้าง แต่สำหรับผู้เขียนแล้วอร่อยทุกอย่าง

         ถัดจากจอมสักเราไปจอมคำ อันเป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง 1 ใน 3 จอม ที่นี่หากมาแล้วจะสังเกตเห็นเจดีย์องค์เล็กเป็นเจดีย์ทรงลังกาคือ เจดีย์ทรงระฆังคว่ำอยู่ข้าง ๆ เจดีย์จอมคำ นั่นแหละคือ หลักฐานพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้เผยแผ่มาที่นี่ผ่านทางล้านนาเมื่อ 6 - 700 ปีก่อน

         ผ่านจอมคำเราไปต่อที่จอมมนหรือ จอมบน (เอกสารไทขึนจะเขียน จอมบน) ที่นี่มีต้นยางขนาดใหญ่เป็นไฮไลท์จนทำให้คนลืมพระธาตุจอมบน ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงตุง โดยคนเชียงตุงเชื่อว่า ทั้ง 3 จอม คือ จอมคำ (จอมตอง) จอมสัก และ จอมมน (จอมบน) เป็นสามเส้าที่ตั้งเมืองเชียงตุงให้มั่นคงสถาพรสืบต่อไป หากแต่มองผ่านความเชื่อไปแล้วนั่นคือ สามเส้านี้ประกอบด้วย สิ่งสำคัญแฝงลึกอยู่คือ พุทธศาสนา ศิลปะวัฒนธรรมที่จะสร้างให้เชียงตุงมั่นคงเป็นปึกแผ่นนั่นเอง

         ส่วนข้อมูลตามป้ายและในเว็บต่าง ๆ ระบุว่าป็นต้นไม้ที่กษัตริย์อลองพญาปลูกไว้เมื่อครั้งจะไปทำศึกกับล้านนาและกรุงศรีอยุธยา แต่ดูแล้วอาจจะไม่ใช่ เพราะตามธรรมเนียมแต่โบราณแล้วการสร้างบ้านเมืองจะมีการปลูกไม้หมายเมือง เริ่มตั้งแต่สร้างเมือง เช่นที่เชียงใหม่จะมีต้นยางหมายเมืองที่วัดเจดีย์หลวง ที่นี่เช่นกัน คงจะปลูกไว้นานแล้วเป็นร่มเงายึดจิตใจชาวเชียงตุงมาช้านานไม่ใช่เพิ่งปลูกแค่ 2 ร้อยปีที่ผ่านมานี้ (มีคนเย้าเล่นว่าหากต้องการรู้ว่าต้นไม้จะอายุมากกว่า 200 ปีหรือไม่ต้องตัดแล้วนับวงปีดู ก็เข้าทีนะ แต่ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละดีแล้วครับ)

         หลังจากถ่ายรูปบรรยากาศและสักการะพระธาตุจอมบนเสร็จแล้วก็เดินทางกลับไปแวะตลาดเม้วติท (Meilt Thit) ซึ่งมีความหมายคือ ตลาดเมืองใหม่ ถ่ายรูป ซื้อของทานเล่นก่อนกลับไปพักผ่อนออมแรงกันก่อน




 
         วันแรกผ่านไป วันที่สอง สาม สี่ เราล้วนแต่เดินตลาดเที่ยววัด กระนั้นก็ยังพลาดไปอีกหลายวัด และมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนที่โรงเรียนเชื้อชาติไท ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาไทใหญ่ ไทขึน ไทย และอังกฤษเป็นหลัก พอเห็นโรงเรียนแล้วรับรู้ถึงความตั้งใจอยากเรียนรู้ของคนเชียงตุงเป็นอย่างยิ่ง นักเรียนเดินถือตั่งไปนั่งเรียนในวิหารของวัดพระธาตุหัวเสือ เสียงนักเรียนท่องอักขระไทใหญ่แว่วลอดจากอาคารไม้ไผ่เซ็งแซ่ ทำให้คิดย้อนถึงเมืองไทยที่นักเรียนนั่งเรียนในห้องแอร์เย็นสบาย แต่กลับไม่ใส่ใจเล่าเรียนให้สมกับโอกาสที่ได้รับ

         วัดอีกแห่งหนึ่งที่ไปแล้วประทับใจคือ พระธาตุจอมดอย เป็นพระธาตุอยู่บนภูเขาไปค่อนข้างยากสักนิด คือต้องตั้งใจไปเท่านั้น ที่วัดแห่งนี้มีพระธาตุบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ดังนั้นที่เจดีย์จะห้ามสตรีขึ้นไป ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวรอบพระธาตุสวยงาม ถึงแม้จะเป็นเดือนมีนาคมย่างเมษายนอากาศที่นี่ยังเย็นสบาย ตามตำนานแล้วที่นี่ห้ามเจ้าฟ้าขึ้นไปสักการะ เพราะชาวลัวะได้สาปแช่งไว้หากฝ่าฝืนจะมีอันทำให้ไม่สบาย

         จากวัดพระธาตุจอมดอยเราผ่านหมู่บ้านแอ่นหัวลังไปวัดเจ้าบุญทิพย์ซึ่งเป็นพระที่ยึดมั่นในศีลชาวบ้านเรียกว่า เจ้าศีลมั่น ที่วัดนี้มีเณรกว่า 70 รูป จึงเป็นจุดถ่ายภาพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ภายในวัดนี้จะห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกชนิดเข้าไปในเขตวัด

 

         ออกจากวัดเราแวะไปดูบ้านแอ่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขา เผ่าแอ่น (Enn Tribe) ซึ่งปลูกบ้านเรียงรายตามภูเขาเป็นภาพที่หาดูได้ยากอย่างยิ่ง เดิมทีคิดจะเอาเงินปลีกไปให้เด็ก ๆ ที่ยืนดูคณะของพวกเรา แต่ไกด์ได้ยินจึงห้ามแกมขอร้องว่าอย่าให้เงินเพราะจะทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และหากต้องการช่วย ให้สนับสนุนด้วยการซื้อผ้าทอมือ ชาวคณะจึงซื้อผ้าเพื่ออุดหนุนให้ช่วยเหลือตัวเองได้

         ผ่านไป 4 วันเราได้รับประสบการณ์ที่ขาดหายไปจากเมืองไทย ได้เรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ได้รู้จักผู้คน ได้มิตรภาพที่ดีงาม ถือว่าคราวนี้เราได้มากกว่าเสียถึงแม้การเดินทางจะขลุกขลักไปบ้างก็ตามแต่สุดท้าย เราต่างประทับใจเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ประทับใจคนเมืองนี้ไปตลอดไม่รู้ลืม พร้อมทั้งขอขอบคุณ คุณส่องแสง จากมูลนิธิสร้างสุขไทยที่ทำให้พวกเราได้เที่ยวและเดินทางอย่างสะดวกสบาย และช่วงนี้มีกระแสการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมไปถึงจะเอาเชียงตุงขึ้นเป็นเมืองมรดกโลกในปี 2020 ที่จะถึงนี้ วัฒนธรรมเป็นสิ่งปลูกสร้างในจิตใจ ที่ฝังรากหยั่งลึกเป็นเวลาช้านาน หากจะให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนักรู้ในระยะเวลาเพียง 3-5 วันนั้นเห็นจะยาก และจะกลายเป็นโอกาสฉาบฉวยให้ผู้แสวงหาผลประโยชน์สร้างรายได้ให้กับตนเอง

ที่มา : 
www.sombattour.com

 



 



**************************************************
บริการจัดทัวร์ 
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน

บริษัท เชียงตุงเรียลเอสเตท แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO
 

บทความที่คุณอาจสนใจ

แต่ละพื้นที่ หรือ แต่ละภาคก็จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นเรื่องในวันนี้ที่นำมาฝากกันค่ะ วันนี้นำ เรื่อง ตางผีเตียว หรือ ทางผีผ่าน ความเชื่อโบราณทางภาคเหนือ มาฝากทุกท่านค่ะ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ลองเข้าไปอ่านได้เลยครับ

ความรวยนอกจากจะต้องใช้สมองและฝีมือแล้ว บางครั้งเราก็ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นเพื่อช่วยความสบายเสริมบุญบารมี แต่จะบูชาของมงคลอะไรแล้วรวย มีโชคลาภดึงดูดทรัพย์สินเงินทองเข้ากระเป๋ามีอะไรบ้าง

รวมโรงแรมเก่า โรงแรมจากวังเดิิม และ แน่นอน สุดหลอดพอตัวเลยละ...

ชาวจ้วง พี่น้องไทยอีกเผ่าที่ยิ่งใหญ่  และมีเรื่องราวในประวัติศาสตร์มากมายพอๆกับเมืองจีนเลยทีเดียว...

บริษัท ไชยนารายณ์ โกลเบิ้ล จำกัด

66 หมู่1 ถนนโชคชัย4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ 10320

Tel ซื้อสินค้า : 063 5599 896

Tel ซื้อสินค้า : 092 891 2277

Tel ท่องเที่ยว :

Line ซื้อสินค้า : @chainarai

Line ท่องเที่ยว : @chainarai

Email : chainarai456@gmail.com

แผนที่

เพจ สิบสองปันนา หลวงพระบาง

เพจ เชียงตุง อยู่ดีกินหวาน